Learning log 4 (
นอกห้องเรียน )
นักเรียนไทยก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับ Tense อยู่ ซึ่งครั้งนี้เราก็มาบอกต่อจากครั้งที่แล้ว ครั้งก่อนหน้านี้ได้เรียนรู้เรื่อง Present Tense แล้ว
วันนี้ก็จะมาบอกเคล็ดลับของ Past Tense กัน ซึ่ง Past
Tense ซึ่งเป็นเรื่องของอดีตหรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตได้สิ้นสุดลงแล้ว ภาษาอังกฤษก็จะแตกต่างจากภาษาไทย
ภาษาไทยนั้นจะมีคำขยายหรือคำบ่งบอกว่าเหตุการณ์นั้น ๆ เกิดขึ้นช่วงเวลาใด
ในขณะที่ภาษาอังกฤษบางครั้งจะไม่มีคำบ่งบอก แต่จะใช้วิธีการผันกริยาในประโยคนั้น ๆ ให้เข้าใจว่าเนี่ยที่กำลังพูดอยู่ไม่ได้เป็นปัจจุบัน และไม่ได้เป็นเรื่องในอนาคตด้วย แต่เป็นเรื่องในอดีต เป็นการชี้เฉพาะให้ผู้ฟังเข้าใจ ซึ่ง Past Tense ก็ยังคงแบ่งเป็น 4 แบบ
เรามาเรียนรู้แบบแรกเลย คือ Past simple
Tense From : S +
V.2
· ใช้กับการกระทำที่จบไปแล้วในอดีต Yesterday,
I didn’t go
to school
· การกระทำที่ดำเนินอยู่ระยะหนึ่งในอดีต
การกระทำบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นแล้วจบปุ๊บปั๊บ หากแต่คงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง มักจะมีระยะเวลากำกับเอาไว้ ( เพราะมันจำเพาะเจาะจง ) I worked
there for 2 years
· นิสัยในอดีต ลองนึกถึงคำว่า “Used to” ( เคย )
ในที่นี่เราจะพูดถึงนิสัย
หรือกิจวัตรที่เราเคยทำเป็นประจำในอดีต
Past ต่อมาก็คือ Past
Continuous Tense Form : S + was / were + v.ing
· การกระทำในอดีตที่ถูกขัดจังหวะ เราต้องกำลังทำอะไรอยู่สักอย่างถึงจะถูกขัดจังหวะได้ ในที่นี้สิ่งที่เรา “กำลังทำอยู่”
จะอยู่ในรูป Past Continuous
ส่วนสิ่งที่มาขัดจังหวะ (
แปลว่ามันทิ่มเข้ามาในขณะที่อะไรบางอย่างกำลังดำเนินอยู่ แล้วก็เสร็จในทันที ) ก็จะอยู่ในรูป
past simple
· การกระทำคู่ขนาน หากมิได้กระทำ
2 อย่าง หรือมากกว่าดำเนินคู่ขนานกันในอดีต เราก็สามารถใช้ past Continuous
Tense ได้กับกริยาทุกตัว
· การกระทำอันซ้ำซากน่าเบื่อหน่ายในอดีต มีวิธีใช้เดียวกันกับ Present Continuous Tense แตกต่างตรงเราใช้พูดถึงการกระทำซ้ำซากที่
“เคย” เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น และ Past อีก Past
ก็คือ Past Perfect
Tense Form : S + had + v.3 เนื่องจาก Past
Tense ใช้พูดถึงการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต ถ้ามีการกระทำอะไรที่เกิดก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็น
Completed Action
( การกระทำที่เสร็จสมบูรณ์ ) กริยา
Non Continuous ที่ดำเนินอยู่ระยะหนึ่ง ( แล้วจบลงก่อนจะเกิดกริยาที่ใช้ Past
Tense )
หรือแม้แต่กริยาอะไรก็ตามที่ได้ระบุเวลาแน่นอน ก็สามารถใช้ Past
Tense ได้ทั้งนั้น Completed action
before past tense
: (
ลองเปรียบเทียบกับ Present Perfect
จะใช้เหมือนกัน
ต่างตรงที่เกิดก่อน Past Tense เท่านั้น )
I had never
been to Italy
before my honeymoon
last year. ฉันไม่เคยไปอิตาลีเลย ก่อนไปฮันนีมูนปีที่แล้ว
-เราจะเห็นว่า สิ่งที่เกิดก่อนการไปฮันนีมูนก็คือการ “ไม่เคยไปอิตาลี” แต่ขณะที่พูดนั้นการกระทำสองอย่างผ่านไปแล้ว และฉันก็ได้ไปอิตาลีแล้วด้วย
The rain
just stopped when I called
you. (
ฝนเพิ่งจะหยุดตก ตอนฉันโทรหาเธอ )
-มีฝนแล้วก็หยุดไปแล้ว
หลังจากนั้นฉันจึงโทรศัพท์ไปหาเธอ
อันสุดท้ายก็คือ Past Perfect
continuous Tense Form
: S + had been + v.ing
การใช้หลัก
ๆ มี 2
ข้อ คือ
· เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ระยะเวลาหนึ่งก่อนอดีต อดีตก็คือ
Past Simple
เราจะใช้ Past Perfect
Continuous เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินไประยะเวลาหนึ่ง จากนั้นจึงมีเกิดอีกเหตุการณ์หนึ่ง
· เหตุผลของเหตุการณ์ในอดีต ที่จริงก็คล้ายคลึงกัน เหตุก็ต้องเกิดก่อนผลอยู่แล้ว เหตุการณ์ในอดีตบางอย่างที่มีมา เช่น
ถ้าเมื่อวานตื่นมาเห็นพื้นเปียกก็ต้องเดาว่าก่อนหน้าพื้นเปียกมันต้องมีฝนตก ต้องใช้
Past Perfect
Continuous It had
been raining before
I work up
yesterday. (
มีฝนตกก่อนฉันจะตื่นเมื่อวาน ) คือ ไม่เกี่ยวกับขณะที่เราพูดเลย
แต่นึกถึงเมื่อวานที่ตื่นมาเห็นพื้นเปียกแล้วจึงพูดแบบนี้ ลองเปรียบเทียบกับ Past
Continuous It was
raining when I
woke up yester
day ( ฝนตกอยู่ตอนที่ฉันตื่นนอนเมื่อวาน
)
-เห็นได้ชัด
ฝนตกเกิดขึ้นและดำเนินอยู่แล้วการตื่นนอนเข้ามาขัดจังหวะ พอตื่นนอนฝนก็ตกอยู่
สรุป Past
Tense
Tense ในกลุ่มที่ 2
คือ Past Tense จะยากกว่ากลุ่มแรกแต่ก็มาจากพื้นฐานเดียวกัน
Past Tense
|
|
Simple Tense
|
เกิดขึ้นในอดีต จบแล้วจบเลยหรือมาแทรกสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่
|
Continuous
Tense
|
กำลังเกิดขึ้นในอดีต ถูกขัดจังหวะโดย Past
Simple หรือเกิดคู่ขนานไปพร้อมๆกับกริยาตัวอื่น
|
Perfect
Tense
|
เกิดก่อน
Past Simple
|
Perfect
Continuous Tense
|
เกิดขึ้นดำเนินอยู่ และเสร็จสำหรับระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเกิด
Past Simple
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น