วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Noun Clause น่ารู้.....


Learning  log  8   in  Class

            เราเรียน  Grammar  มาตั้งหลายปี  แต่ในชีวิตจริงเราก็ยังใช้ไม่เป็นซะที  สิ่งสำคัญอันดับของการเรียน  Grammar  ให้สัมฤทธิผล  คือเราต้องปรับ  attitude  เกี่ยวกับมันเสียก่อน  ใครมองว่า  Grammar  คือกฎเกณฑ์  โบราณ  ยุ่งยาก  น่าเบื่อ  ก็ต้องจูนเสียใหม่  ใครมองว่า  Grammar  ไม่สำคัญ  ไม่จำเป็น  แค่พูดได้  พอสื่อสารกันรู้เรื่องก็พอแล้ว  ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่  ในภาษาพูด  Grammar  อาจจะดูไม่สำคัญอะไร  แต่ก็มีหลายคนที่เข้าใจกันคลาดเคลื่อนมาแล้ว  เพราะเราใช้  Grammar  ผิด ๆ  ในการสื่อสาร  และอย่างน้อยที่สุดในภาษาเขียน  Grammar  ก็สำคัญอย่างยิ่ง  ไม่ว่ายังไงชีวิตนี้ก็ต้องเขียน
            จริง ๆ  แล้ว  Grammar  ไม่ใช่เรื่องยาก  เราเรียนเรื่องเดิมมาตั้งแต่ประถมยันมหาลัย  แต่พอโตขึ้น  เนื้อหาในบทเรียนอาจลึกขึ้น  ตัวอย่างกับแบบฝึกหัดอาจยาวขึ้น  ซับซ้อนขึ้น  ถ้าเราเรียน  Grammar  ถูกวิธี  เรารู้เทคนิคที่ดี  เราคงไม่มองว่ามันยุ่งยาก  Grammar  ในวันนี้ก็คือ  Noun  Clause  Noun  Clause  คืออะไร  ทำไมจึงอยู่ใน  Grammar    เรามาหาคำตอบกัน
            Noun  Clause  อนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม / เสมือนหนึ่งเป็นคำนามในประโยค  ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน  เราอาจได้ยินหรือใช้  Noun  Clause  โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้  Noun  Clause  อยู่  เช่น
            I  think  you’re  very  pretty.
            I  hope  you  pass  the  exam.  ประโยคเต็มที่เป็นทางการคือ
I  think    that  you’re  very  pretty.
            I  hope  that  you  pass  the  exam.
            Noun  Clause  เหล่านี้  เมื่อยู่ในตำแหน่งของประธานจะเรียกว่า  “Subject  Noun  Clause”  และเมื่ออยู่ในตำแหน่งของกรรมจะเรียกว่า  “Object  Noun  Clause”  ตัวอย่าง  เช่น
            -  Subject  Noun  Clause 
That  scores  are  going  down  is  clear.  (มักใช้ในภาษาเขียนหรือภาษาทางการ) =  ที่ว่าคะแนนลดลงเป็นสิ่งที่เป็นได้ชัดเจน
What  he  said  confused  us  terribly. =  สิ่งที่เขาพูดทำให้เราสับสนแทน
Object  Noun  Clause
I  feel  that  you  overestimated  the  damages.  ผมรู้สึกว่าคุณประมาณการเสียหายเกินความเป็นจริง
I  don’t  know  where  she  is.  ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ประเภทของ  Object  Noun  Clause
Object  Noun  Clause  จะต้องอยู่คู่กับ  Main  Clause  ของประโยคเสมอ  โดยประโยคจะเริ่มด้วย  Main  Clause  แล้วตามด้วย  Object  Noun  Clause  โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย  Comma  คั่น  Object  Noun  Clause  มี  3  ประเภท  ได้แก่
1.  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  That
2.  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  Wh – Question
3.  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “if”  หรือ  “Whether”
            1.  การใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  “That”  เราใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  That  ในกรณีต่อไปนี้
1) ใช้ตามหลัง  Verb  บางตัวที่แสดงความรู้สึก  ความคิด  หรือความคิดเห็น  เช่น  agree , feel , know , remember , believe , forget , realize , think , doubt , hope , recognize , understand  เช่น
I  agree  that  we  should  follow  him.
She  know  that  her  mom  love  her.
2) ถ้าเป็นภาษาพูด  มักจะละคำว่า  That  ซึ่งเป็นคำขึ้นต้น  Clause  เช่น
I  think  that  it’s  red , not  blue.  (ภาษาทางการ)
I  think  it’s  red , not  blue.  (ภาษาพูด)
3) Verb  ใน  Main  Clause  มักจะเป็น  Present  Tense  ของ  Verb  ใน  Noun  Clause  จะเป็น  Tense  อะไรก็ได้  เช่น
I  believed  it’s  raining.  ( now )
I  believed  it  rain.  ( very  soon )
I  believed  it  rained.  ( a moment  ago )
4) ใช้ในการสนทนา  ถ้าต้องกการหลีกเลี่ยงการพูดว่า  That  บ่อยเกินไป  หรือไม่ต้องการพูด  Noun  Clause  ซ้ำ  สามรถตอบโต้โดยการใช้คำว่า  So  หรือ  not  หลัง  Main  Clause  เช่น
Surat    :  Is  Surawee  here  today ?
Dendao            :  I  think  so.
( คำพูดเต็ม ๆ  ก็คือ  I  think  that  Surawee  is  here  today. )
Joom    :  Are  we  ready  to  leave ?
Paa      :  I’m  afraid  not.
( คำพูดเต็ม ๆ  ก็คือ  I’m  afraid  that  we  are  not  ready  to  leave. )
            2.  การใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  Wh – Question  ได้แก่คำว่า  What , When , Where , Why , How   มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1)  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  Wh – Question  มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  Indirect  Wh – Question    และแม้ว่า  Noun  Clause  เหล่านี้จะขึ้นด้วยคำแสดงคำถาม  แต่ลำดับคำ  ( Word  order )  ในอนุประโยคนี้  จะเป็นลำดับคำของประโยคบอกเล่า  ไม่มีลำดับคำของประโยคคำถาม  เช่น
I  know  why  he  comes  home  very  late.
( ไม่ใช่  why  does  he  come  home  very  late. )
2)  การใช้เครื่องหมายวรรคตอนของประโยคจะเป็นไปตามลักษณะของ  Main  Clause  คือ  ถ้า  Main  Clause  เป็นคำถามจะใช้เครื่องหมาย  Question  Mark  ปิดประโยค  ถ้า  Main  Clause  เป็นประโยคบอกเล่า  จะใช้เครื่องหมาย  Full  Stop  ปิดประโยค  เช่น
Could  you  tell  me  where  the  elevators  are ?  ( Main  Clause  เป็นคำถาม )
I’m  wondering  where  the  elevators  are.  (  Main  Clause  เป็นบอกเล่า )
3)  ใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  Wh – Words  เพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า  เราไม่รู่หรือเราไม่แน่ใจ  เช่น
I  don’t  know  how  much  it  costs.
I  would  like  to  know  when  our  next  meeting  will  be.
4)  ใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  Wh – Words  เพื่อถามหาข้อมูลอย่างสุภาพ  เช่น
Could  you  tell  me  who  are  injured  in  the  accident ?
            3.  ประเภทสุดท้ายของ  Noun  Clause  ประเภทที่  3  การใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “if”  หรือ  “Whether”  มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1)  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “if”  หรือ  “Whether”  คือ  Indirect  yes / no  question  นั่นเอง  เช่น
Direct  Question                 :  Did  they  pass  the  exam ? 
Indirect  Question    :  I  don’t  know  if  they  pass  the  exam.
2)  ลำดับในประโยค  ( Word  order )  เป็นเครื่องหมายจบประโยคใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วย  Wh – Words 
3)  จะขึ้นต้น  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “if”  หรือ  “Whether”  ก็ได้  แต่มักใช้  Whether  ซึ่งเป็นทางการ  เช่น
Sir  I  would  like  to  know  whether  you  prefer  coffee  or  tea.
Tell  me  if  you  want  to  go  with  us  or  not.
4)  ใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “if”  หรือ  “Whether”  เมื่อ  Main  Clause  แสดงการใช้ความคิด  เช่น
I  can’t  remember  if  L  had  already  paid  him.
I  wonder  whether  he  will  arrive  in  time.
5)  ใช้  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “if”  หรือ  “Whether”  เมื่อต้อการถามคำถามอย่างสุภาพ  เช่น
No  you  know  if  the  principal  is  in  his  office.
Can  you  tell  me  whether  the  tickets  include  drinks ?
            Noun  Clause  เป็นส่วนหนึ่งใน  Grammar  ที่มีความสำคัญ  Noun  Clause  ก็คือ  อนุประโยคที่ทำหน้าเสมือนหนึ่งเป็นคำนามในประโยค  และสามารถแบ่งประเภท  Object  Noun  Clause  ได้  3 ประเภท  คือ  Noun  Clause  ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  “That” , Wh – Question  และ “if”  หรือ  “Whether”  ฉะนั้น  Noun  Clause  เป็นไวยากรณ์หลักที่ใช้ในการเรียนภาษาอังกฤษ  เราต้องรู้จักและเข้าใจ  Noun  Clause  ให้ถ่องแท้  เพื่อไม่ให้ผิดพลาดในการนำไปใช้ในชีวิตจริง ๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น