Learning log (
in Class ) (3)
หัวใจสำคัญของการเรียนภาอังกฤษก็คือ เรื่องของ
Tense
นั่นเอง
เพราะถ้าเราทราบเรื่อง Tense อย่างถ่องแท้แล้ว
เราก็จะสามารถนำพื้นฐานความรู้ตรงนี้ไปประยุกต์ใช้กับทักษะฟัง พูด
อ่าน เขียนได้อย่างแม่นยำ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน
และสามารถนำไปใช้ในการติดต่อสื่อสารได้ย่างถูกต้อง
ในปัจจุบันภาษาอังกฤษนับเป็นภาษาหลักที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องธุรกิจ การประกอบอาชีพในยุคนี้ ในบ้านของเรา
ล้วนแต่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติแทบทั้งสิ้น
การเรียนภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญขอการศึกษาไทยในยุคนี้
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแต่ละสถาบันจะมีการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น และจัดการเรียนการสอนให้หนึ่งสัปดาห์นักเรียนต้องพูดภาษาอังกฤษอย่างน้อย 1 วันโดยไม่พูดภาษาไทยเลย ( ถ้าเป็นไปได้ )
และคุณครูจะสอนให้น้อยลง (
Teacher less)
เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตัวเองมากขึ้น ( Learn more ) เพราะตอนนี้เป็นยุคโลกาภิวัตน์ การติดต่อสื่อสาร ความสะดวกสบายนั้นได้ไร้ขีดจำกัด มันจะมี
IT
มาช่วยในการเรียนการสอนมากมาย
การเรียนรู้ในห้องเรียนวันนี้ได้เรียนรู้เรื่อง Tense ซึ่ง Tense
เป็นหัวใจสำคัญขงการเรียนภาษาอังกฤษ
ซึ่งนักเรียนส่วนมากคิกว่าเป็นเรื่องยาก
เข้าใจยาก น่าเบื่อ Tense เปรียบเสมือนยาขมของนักเรียนภาษาอังกฤษ ปัญหาเรื่องการใช้ Tense
ในภาอังกฤษเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของนักเรียนมาโดยตลอด Tense ไม่ใช่เรื่องของเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งสำคัญของ
Tense
ก็คือ “ความรู้สึก” เราจะต้องเข้าถึงให้ได้เพื่อจะใช้ Tense
ได้อย่างถูกต้องและสื่อสารได้อย่าไม่ผิดพลาด หรือผิดพลาดให้น้อยที่สุด เอาละ
เราก็วกกลับมาตรงวิธีการที่ทำให้เราเข้าใจเรื่อง Tense และนำไปใช้ได้เสมอไม่ลืม Tense ทั้ง 12 ชนิด ซึ่งที่จริงแล้วมันก็พลิกแพลงกันนิด ๆ
Tense ทั้ง 12 แบบ แต่กาลเวลาสากลของ Tense มีอยู่แค่
3
ช่วงเวลาหลัก ๆ นั่นคือ อดีต
past , ปัจจุบัน
present
และ อนาคต future
ในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีรูปแบบของ Tense อยู่ 4 แบบด้วยกัน คือ simple
, continuous , perfect และ perfect continuous รวมแล้วจึงเท่ากับ 12 Tense simple
คือ
เกิดขึ้นแล้วจะจบสิ้นไปเลยในคราวเดียวกัน
ส่วน continuous
มันจะมีบรรยากาศของการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
ต่อมา perfect คือ
เป็นกระบวนการของการทำอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว และอันสุดท้าย
perfect continuous คือ ทำอยู่เรื่อยมาจนถึงจุด ๆ หนึ่ง
( ซึ่งเหมือนเป็นการเสร็จสิ้นแล้ว )
และอีกสิ่งหนึ่งมาขัดจังหวะ
ต่อไปเรามาดูโครงสร้างขอทั้ง 12 Tense กัน
ช่องแรก Simple ง่ายที่สุด
· Past Simple
เป็นบทที่เรียนมา S
+ V.1 เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์
· Present Simple
S + V.2 เพราะ V.2 คือกริยาที่ใช้สำหรับอดีตอยู่แล้ว และสุดท้ายคือ
· Future Simple S + will + V.1
ช่องที่สองคือ Continuous รูปประโยคของมันจะเป็น V. to
be + V ing ( verb to
be คือ is , am และ are)
· Present Continuous
S + is / am / are + V ing
· Past Continuous
รูปประโยคแบบเดิมแต่แค่ผันตัว is / am / are ให้กลายเป็นอดีต ก็จะได้เป็น
S + was / were + V ing
· Future Continuous
พอเป็นอนาคตเราต้องใช้
“will”
มาบอกว่าเรา “จะทำ” แล้วหลัง
will ไม่ต้องไปเปลี่ยน ไม่ต้องทำอะไร
S + will + be + V ing
สรุป Continuous จะมี V ing ตลอด
ช่องถัดมาคือ Perfect รูปของมันคือ V. to
have + V.3 มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น
V. to have + V.3 โดยที่เราผันตัว V. to
have ไปตามเวลาของมัน แต่ V.3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Perfect คือ V.3
· Present Perfect S + has / have +
V.3 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ ( He , She , It คน สัตว์
ของ 1 อัน )
ก็ใช้ “has” ถ้าเป็นพหูพจน์ ( You , We , They คน สัตว์
ของมากกว่า 1 อัน )
ก็ใช้ “have”
· Past Perfect
แทนประโยคเหมือนเดิมแต่ต้องทำ has / have ให้มันเป็นช่อง 2 เพราะ V.2 บอกอดีต แล้วช่อง
2 ของ has / have คือ had S + had + V.3
· Future Perfect
พอเป็นอนาคตเหมือนเดิมได้เป็น S + will + have + V.3 สุดท้ายก็คือ Present Continuous
ชื่อบอกอยู่ว่า Present Continuous มันต้องมีทั้ง
Present คือ have + V.3 แล้วก็ Continuous ก็คือ V
ing
ด้วยรูปประโยคของมันก็เลยเป็น S
+ V. to have + V.3 ( ซึ่ง been
เป็นช่อง 3 ของ be ) + V
ing
· Present Perfect Continuous S + has / have + been + V ing โดย has / have been ก็บอกความเป็น
Perfect
ส่วน V ing บอกความเป็น Continuous
· Past Perfect Continuous จับ has
/ have
มาเป็นอดีต S + had + been + V ing
· Future Perfect
Continuous S
+ will + have + been + V
ing
การสอนเรื่อง Tense เป็นการทบทวนในเรื่องของ Tense อีกครั้ง
และ Tense มี 12 แบบ Tense จะมี 3 ช่วงเวลาคือ อดีต Past , ปัจจุบัน Present และ อนาคต
Future และในแต่ช่วงเวลามี 4 แบบคือ
Simple , Continuous , Perfect
และ Perfect continuous
และจะเกี่ยวข้องกับกาลเวลาและความรู้สึกด้วย ซึ่ง Tense เป็นหัวใจกลักในภาษาอังกฤษ หากเราเข้าใจ
ทำให้เราได้ประโยชน์มากและไม่เสียเปรียบต่อชาวต่างชาติอีกด้วย
เพราะตอนนี้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการติดต่อสารทั่วโลก หากเราไม่รู้หรือไม่เข้าใจ เราจะโดนแย่งงานแย่งทุกอย่าง ขณะนี้ก็ได้เปิดอาเซียน ซึ่งทำให้คนที่อ่อนถูกกดขี่เรื่อย ๆ โดนเอาเปรียบ
ฉะนั้นเราควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสซะเพื่ออยู่รอดบนโลกนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น